สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นเอตทัคคะในทางดนตรีไทย ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงอนุเคราะห์สนับสนุนกิจกรรมด้านดนตรีไทยเสมอมา พระองค์เคยพระราชดำรัสไว้ว่า "ดนตรีไทยดูเหมือนจะพัวพันกับชีวิตประจำวันของข้าพเจ้าตั้งแต่เกิดมา
พอเกิดเขาก็ประโคม เวลาสมโภชเขาก็ประโคมอะไรกันอีกในตอนเด็กๆนี้ เคยรู้สึกอยากเล่นดนตรีไทยอยู่นิดหน่อย
คือ เห็นระนาดเอกวางอยู่รางหนึ่ง ก็ตรงรี่เข้าไปจะตี
แต่มีคนห้าม อ้างว่าเครื่องดนตรีไทยเป็นของมีครู
ไปทำเล่นๆ เหมือนเปียโน กีต้าร์ไม่ได้
ถ้าไปเล่นเข้าครูอาจจะบันดาลให้มีอันเป็นไปอะไรก็ได้
ก็เลยไม่ได้เล่น ตอนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
๒ เลือกเรียนซอด้วงเพราะที่โรงเรียนมีแต่เรียนเครื่องสายไม่มีระนาด ซึ่งเป็นของชอบตั้งแต่เรียนดนตรีไทยเลยเกือบจะเลิกฟังเพลงอย่างอื่นหมด เที่ยวหาแผ่นเสียงเพลงไทย
มีฟังในโอกาสที่มีงาน เคยเชิญวงของครูเทวาประสิทธิ์พาทยโกศล
และ ครูไพฑูรย์กิตติวรรณมาบรรเลง นั่งฟังไปมาเกิดติดใจครูไพฑูรย์จึงขอเรียนด้วย
ตั้งแต่นั้นก็ได้เรียนพิเศษกับครูแต่ก็ยังไม่ได้เลิกเรียนที่โรงเรียน เป็นคนเดียวในรุ่นที่เรียนดนตรีไทยจนจบ
ม.ศ.๕ จึงเป็นคนอาวุโสที่สุดในวง ตอนนี้เวลามีงานโรงเรียนเผลอๆ ข้าพเจ้าก็ยังไปเล่นกับเด็กๆ
เวลาฉากยังไม่เปิด ดนตรีไทยนี้เล่นแล้วติดจริงๆ
สบโอกาสเมื่อไรก็ต้องไปฟัง แต่ก่อนอธิบายได้ว่าชอบเพราะชาตินิยม
หลังๆ นี้ ชอบเพราะฟังแล้วสนุก ตื่นเต้น
มีทุกรส สมดังบทกลอนที่ ม.ล.ขาบ กุญชรท่องในตอนต้นรายการ"ดนตรีไทยไร้รสหรือ" ทางวิทยุ ท.ท.ท.
นานมาแล้ว "
นอกจากนั้นพระองค์ยังมีความสามารถทางด้านขับร้องเพลงไทยเดิม ทรงพระราชนิพนธ์บทขับร้องเพลงไทยเดิมไว้หลายเพลงเช่น เต่ากินผักบุ้ง , พัดชา,นางนาค,ขึ้นพลับพลา
ตัวอย่างบทเพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์
เห่เอยค่ำแล้ว |
อาทิตย์แคล้วครรไลลา |
ดาวประทับท้องนภา |
พระจันทราพารถจร |
หลับเถิดนะสายใจ |
เจ้าอย่าอาลับอาวรณ์ |
จักถนอมกล่อมให้นอน |
จะขอพรปวงเทวัญ |
เติบใหญ่ให้แกล้วกล้า |
เรืองวิชาทุกสิ่งสรรพ์ |
มีเลือดไทยในปางบรรพ์ |
มิเคยหวั่นผองไพรี |
จงครองคุณธรรมพร้อม |
ศรัทธาน้อมปัญญามี |
จงลดอคติสี่ |
มีขันตีออมอดใจ |
อุปสรรคจะหนักหนา |
เจ้าก็อย่าโศกาลัย |
เมื่อหวังปองเทิดผองไทย |
ก็แกร่งไกรดุจศิลา |
ขวัญข้าวจงอยู่ดี |
ฟังคำพี่จำนรรจา |
แล้วหลับนัยนา |
นิทราให้สำราญ |
(ฟังเสียงจิ้งหรีดร้อง |
กังวานก้องเสียงประสาน |
แก้วเกดสุมามาลย์ |
ก็เบิกบานชมแสงเดือน) |
นอกจากดนตรีไทยแล้ว พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ และพระราชจริยาวัตรในด้านการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติทุกๆด้าน รวมทั้งได้เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการสร้างสรรค์และ ธำรงรักษามรดกของชาติให้ยั่งยืนตกทอดต่อไปถึงลูกหลาน ทรงได้รับการถวายพระสมัญญาเป็น "เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย" และ "วิศิษฏศิลปิน" อันหมายถึง ผู้เป็นเลิศในทางศิลปะ ทรงเป็นเมธีทางวัฒนธรรม และทรงมีคุณูปการต่องานศิลปะวัฒนธรรม
|